ความสำเร็จของ AUDI จากยุโรป ก่อนเดินทางมาสู่เมืองไทย

1.jpg

Audi
ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นแบรนด์ที่มุ่งสร้างความแตกต่างในด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ท้าทายขีดจำกัด แห่งยุคสมัย นับแต่อดีตจนปัจจุบัน ดังสโลแกนของแบรนด์ที่ว่า “Vorsprung durch Technik” (โฟชโปรง ดุร์ช เทคนิก) ภาษาเยอรมันที่แปลว่า ‘ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี’ ที่แม้จะเพิ่งมีเมื่อปี 2009 แต่ตลอดระยะเวลา 100 กว่าปีที่ผ่านมา Audi ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่สร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์จนกลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

2.jpg
Credit Photo: Audi Colombia

จุดเริ่มต้นความสำเร็จนับร้อยปีของ Audi

จุดเริ่มต้นความสำเร็จอันยาวนานของ Audi ที่มีมานับ 100 ปี เริ่มต้นในประเทศเยอรมัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 เมื่อ 4 บริษัท ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมัน ซึ่งประกอบไปด้วย Audiwerke, Horchwerke Zschopauer Motorenwerke , DKW, Wanderer Werke จับมือกันภายใต้บริษัทใหม่ที่ชื่อว่า ‘Auto Union AG’ โดยทั้ง 4 แบรนด์ได้ร่วมผลิตรถยนต์ออกจำหน่ายในแบรนด์ต่างๆ ของตัวเองภายใต้โลโก้เดียวกัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่กลายมาเป็นชื่อของ Audi ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ที่เดินทาง ผ่านจุดที่เรียกได้ว่าถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์รถยนต์ ไปจนถึงจุดวิกฤตจากสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 จน ทำให้บริษัทต้องหยุดการผลิตไปช่วงหนึ่ง เมื่อสงครามจบลง Audi ยังคงสามารถปรับตัวโดยพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ผู้คน ในช่วงหลังสงครามโลก Audi ทำแบรนด์ชื่อว่า DKW เพื่อออกรถแวน รถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งเป็นที่ต้องการในยุคนั้น จนในปี ค.ศ.1964 Volkswagen เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และดำเนินกิจการทั้งหมด โดยเปิดตัว Audi รุ่น 80 และ 100 อย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี ค.ศ.1968 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น

ประกาศศักดาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro กับชัยชนะสนาม WRC

และตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมา Audi ก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามามากมาย อย่างในปีค.ศ. 1976 เริ่มมีเครื่องยนต์ 5 สูบ ในปี ค.ศ. 1979 มีระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ และสุดยอดระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออย่าง Quattro ที่ทำมาเพื่อรองรับการยึดเกาะ ทุกสภาพถนนโดยเฉพาะถนนคดเคี้ยว ลดอาการท้ายปัดหรือหลุด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างคล่องตัว และปลอดภัย ยิ่งขึ้น

3.jpg
Credit Photo: WRC

ในปี ค.ศ.1980 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์ Audi โด่งดังจากการชนะการแข่งขันในระดับโลก World Rally Championship (WRC) ซึ่งเป็นการแข่งขันที่จัดโดย FIA (Fédération Internationale de l'Automobile) หรือ สหพันธยานยนต์นานาชาติ ซึ่งจะหมุนเวียนไปจัดการแข่งขันแรลลีทุกปีในประเทศต่างๆ และถือเป็น ครั้งแรกที่คนทั้งโลกได้รู้จัก Quattro กับนวัตกรรมการขับเคลื่อน 4 ล้อ อันล้ำหน้าของ Audi ซึ่งถูกจารึกไว้ ในฐานะผู้ชนะในการแข่งขันเวทีนี้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1980-1982 และจากการแข่งขันในครั้งนี้เองที่ทำให้ Audi ถูกมอง เป็นรถยนต์ที่ล้ำหน้าเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และเป็นต้นแบบมาสู่ Audi Quattro ที่โด่งดังในเวลาต่อมา อีกทั้งยังเป็น ผู้นำเทรนด์ให้กับแบรนด์รถยนต์อื่นๆ ทำตามแนวคิดนี้จำนวนมาก

4.jpg
Credit Photo: Audi.com

ยกระดับแบรนด์ Audi สู่ความพรีเมียม

ในปี ค.ศ. 1985 ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้งเป็น ‘AUDI AG’ พร้อมกับการเป็นค่ายรถที่บุกเบิกเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ เครื่องยนต์ดีเซลระบบไดเรคอินเจคชั่น เครื่องยนต์เบนซินระบบไดเรคอินเจคชั่น ซึ่งในช่วงปี ค.ศ. 1993 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Audi ด้วยนโยบายของผู้บริหารภายใต้ โฟลค์สวาเกนกรุ๊ป ขณะนั้นจำเป็นต้องจัดกลุ่มของรถยนต์หลายแบรนด์ในเครือให้ชัดเจน จึงปรับ Audi ให้เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียม ซึ่งมีผลให้ภาพลักษณ์ของ Audi เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับการเก็บงาน การดีไซน์ต่างๆ ที่เพิ่มความความละเมียดละไม ทั้งด้านในและด้านนอกตัวรถยนต์มากยิ่งขั้น ปีถัดมา Audi แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของการเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม ด้วยการแสดงความล้ำหน้าของเทคโนโลยีไปอีกขั้นกับการเปิดตัว "ASF" (Audi Space Frame) โครงสร้างรถยนต์ที่ทำด้วยอลูมิเนียมทั้งคัน ทำให้รถมีน้ำหนักเบา แข็งแกร่งทนทาน โดยเปิดตัวกับรุ่น A8 ครั้งแรก ในปีค.ศ. 1994 ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญของ Audi ซึ่งมีผลทำให้ Audi กลายเป็นแบรนด์พรีเมียมที่ได้รับการยอมรับในยุโรป ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี

5.jpg
credit photo: Audi Philippine

Audi TT รถสปอร์ตดีไซน์สุดล้ำแห่งยุค 90s

และในปีค.ศ. 1996 Audi ออกรุ่นใหม่อย่าง A6 ซึ่งสร้างปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการออกแบบรถยนต์ ให้ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ซึ่งในยุคเดียวกันรถยนต์ส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ข้อดีคือทำให้เครื่องยนต์ถูกย้าย ไปด้านหน้ารถ ส่งผลให้การนั่งด้านหลังสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1998 Audi TT รถสปอร์ตที่ออกมาสร้างความฮือฮาอย่างมาก ทั้งในแง่ของดีไซน์การออกแบบล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น และกลายเป็นตัวอย่าง ในการสอนดีไซน์รถยนต์ทั่วโลก ทำให้รถมีน้ำหนัก เบามากด้วย ถือเป็นรถสปอร์ตของ Audi ที่มาพร้อม ระบบปฎิบัติการขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro และ ระบบเทอร์โบชาร์จรวมไว้เป็นหนึ่งเดียว

6.jpg
credit photo: Audi Philippine

R8 รถสปอร์ตขุมพลังซุปเปอร์คาร์

Audi สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการยนตรกรรมระดับโลกอีกครั้งในปี ค.ศ. 2006–2007 กับการออกรถสปอร์ตที่ใส่เครื่อง ซุปเปอร์คาร์อย่าง R8 ออกมา ทั้งดีไซน์สุดล้ำ และเพิ่มศักยภาพด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro และ ระบบปฏิบัติการณ์ของ Lamborghini Gallardo พร้อมด้วยโครงสร้างที่เป็น Audi Space Frame ที่ใช้อลูมิเนียมทั้งคัน ซึ่งมีความเป็นซุปเปอร์คาร์
ในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ตที่โฉบเฉี่ยว

7.jpg

บทพิสูจน์ความอึดกับแชมป์สนาม 24 hours of Le Mans

และตั้งแต่ปี 2006-2008 Audi
สร้างชื่ออีกครั้งในการแข่งขันรถยนต์ในสนามการแข่งขันสุดโหดอย่าง 24 hours of Le Mans โดย โดยส่ง R10 TDI เทอร์โบดีเซล พร้อมด้วยเทอร์โบชาร์เจอร์ Audi พิสูจน์ความล้ำหน้าอีกขั้นบนเวทีโลกได้สำเร็จ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีรถยนต์ที่เป็นเทอร์โบดีเซลไปลงแข่งที่สนามเลอมังส์ (24 hours of Le Mans) มาก่อน ในขณะ ที่คู่แข่งยังคงใช้เบนซินซึ่งทำให้มีการเผาผลาญพลังงาน หมดรวดเร็วกว่า หลังปี 2010 เป็นต้นมา Audi ยังคง เพิ่มเติมเทคโนโลยีล้ำหน้าเข้ามามากมาย ทั้งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด รวมไปถึงเทคโนโลยีการจอดรถ แบบ Pilot Parking เป็นต้น

ความสำเร็จจากยุโรปสู่ประเทศไทย

สำหรับประเทศในทวีปยุโรป Audi จึงเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความเชื่อมั่นมาตลอดระยะเวลายาวนาน ความโด่งดังของ แบรนด์ Audi ถูกส่งต่อมายังประเทศไทย ในช่วงแรกยังเป็นที่รู้จักในเฉพาะกลุ่มคนเล่นรถ หรือคนที่ติดตามนวัตกรรมยานยนต์ ชั้นนำของโลกจากนิตยสารต่างประเทศ แม้ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จะเริ่มมีคนไทยเริ่มใช้ Audi อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก เนื่องจากการนำเข้ามาน้อยมากจนไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และด้วยนโยบายการเก็บภาษีในประเทศไทยที่สูงเกินจากราคา ขายจริงกว่าของต่างประเทศหลายเท่าตัว ทำให้ช่วงนี้รถยนต์จากต่างประเทศค่อนข้างซบเซา

8.jpg
Credit Photo: AUDI UK

จนกระทั่งช่วงรัฐบาลของ อานันท์ ปันยารชุน (1992-1993) ได้เปิดเสรีการค้า และลดภาษีนำเข้ารถยนต์ ทำให้คนไทย ได้มีโอกาสได้รู้จัก Audi จากการนำเข้ารุ่น 80 และ 100 พอถึงในปี 1994 ได้มีการนำเข้ารุ่น A4 ซึ่ง จุดเด่น คือ เครื่องยนต์มี 5 วาลว์ 2 สูบ ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งถือเป็นรุ่นเดียวในตอนนั้น เพราะรุ่นที่ใกล้เคียงกันในตลาดมีเสป็คที่ต่ำกว่าและขับเคลื่อน ล้อหลังทั้งหมด หลังจากนี้จึงมีการนำเข้า Audi รุ่นอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย จนช่วงปี ค.ศ. 1996-1997 เป็นช่วงที่ Audi เพิ่งเปิดตัวรุ่น A6 ใหม่ในประเทศไทย ซึ่งมีดีไซน์ล้ำสมัยมากที่สุดในยุคนั้นซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการเกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง

นับตั้งแต่เศรษฐกิจฟื้นฟูขึ้นในประเทศไทย Audi ยังคงเป็นแบรนด์พรีเมียมชั้นนำ ที่เป็นที่ต้องการของแฟน Audi มาอย่าง ต่อเนื่อง นอกจากรุ่นต่างๆ ที่นำเข้ามาในประเทศแล้ว ยังมีรุ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอีกมากมายอย่าง Audi Q5 ซึ่งเป็นรถยนต์ประเภท SUV ก็เป็นที่หมายปองของคนรักความทะมัดทะแมงแต่เน้นดีไซน์และความสะดวกสบายที่ลงตัวกว่า รวมไปถึง รถสปอร์ตพลังซุปเปอร์คาร์อย่าง R8 ก็เป็นที่นิยมมากในประเทศไทยเช่นเดียวกัน

ความสำเร็จของ Audi นับตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน คือการเป็นผู้นำเทคโนโลยีทางยนตรกรรมที่ก้าวล้ำหน้าระดับโลก ดังสโลแกนของแบรนด์ “Vorsprung durch Technik” ที่หมายถึง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าในอนาคต Audi Thailand ยุคใหม่ภายใต้การดูแลของ ไมซ์สเตอร์ เทคนิค (Meister Technik) เราจะได้เห็นความสำเร็จครั้งใหม่ ในประเทศไทยอย่างแน่นอน